เมื่อวันที่ 29 ส.ค. – พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (กวช.) ว่า กวช.เห็นชอบให้กระทรวงวัฒนธรรม เริ่มดำเนินการนโยบายส่งเสริมให้เด็กไทยทุกคน เล่นดนตรีไทยเป็น 1 ชนิด ภายใน 5 ปีโดยกระทรวงวัฒนธรรมเตรียมหารือกระศึกษาธิการในเร็ว ๆ นี้เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับ เนื่องจาก วธ.ตั้งเป้าว่าจะเริ่มออกตัวนโยบายนี้ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560

พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ วธ.ได้ร่วมกับสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชน ผู้ปกครอง และสถานศึกษา จำนวน 1,310 ระหว่าง 5-14 ส.ค.ที่ผ่านมา พบว่า ร้อยละ 92.67เห็นด้วยที่จะส่งเสริมให้เยาวชนไทยสามารถเล่นดนตรีไทยได้อย่างน้อยคนละ 1 อย่างมีเพียงร้อยละ 1.60 ที่ไม่เห็นด้วย เพาะส่วนใหญ่เห็นว่า เป็นการรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีไทยให้คงอยู่ และเป็นการฝึกสมาธิ ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์เพราะฉะนั้นวธ.จึงเตรียมเริ่มดำเนินการนโยบายนี้โดยเร็ว

“วธ.เตรียมหารือกับกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อเตรียมความพร้อมและกำหนดรายละเอียดของนโยบายนี้ก่อนเสนอเรื่องรายงานให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) รับทราบ และประกาศเป็นนโยบายของกระทรวงต่อไปอย่างไรก็ตามนโยบายนี้ ไม่ได้ต้องการให้เด็กเล่นดนตรีเก่งถึงขนาดมืออาชีพ แต่ต้องการให้เด็กเล่นเครื่องดนตรีไทยเป็นเพื่อเป็นการอนุรักษ์ให้ดนตรีไทยไม่สูญหาย และยังเป็นการเยียวยาจิตใจ ฝึกให้เด็กมีสมาธิ ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และยังเป็นการเผยแพร่ภูมิความรู้เกี่ยวกับดนตรีไทย “พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าว

พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า กวช.ยังเห็นชอบแผนการดำเนินงานวัฒนธรรมของ วธ.ในปีงบ ประมาณ 2560 โดยจัดทำเป็นเคมเปญส่งเสริมวัฒนธรรมเพื่อความยั่งยืน 4ด้าน ได้แก่ 1.ส่งเสริมความเป็นเลิศทางศิลปวัฒนธรรมทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งในประเทศให้ส่งสริมทุกคนมีความสามารถด้านศิลปวัฒนธรรม ด้วยการจัดแข่งขันการแสดงทางวัฒนธรรมในทุกรูปแบบ เพื่อให้ได้มาตรฐานที่ดีและทั่วถึง ส่วนต่างประเทศ ให้ศึกษารูปแบบการแข่งขันศิลปวัฒนธรรมระดับโลก เพื่อจัดกลุ่มและเตรียมความพร้อมเข้าร่วมแข่งขัน เช่นเดียวกับการเข้าค่ายนักกีฬา 2.การยกย่องบุคคลที่มีความรู้ความสามารถทางวัฒนธรรม เพื่อคัดเลือกเป็นศิลปาธร ให้เป็นแบบอย่างและยกย่องบูรพศิลปิน คือบุคคลที่ล่วงลับไปแล้วแต่ได้ทำผลงานให้กับประเทศอย่างใหญ่หลวง รวมถึงยกย่องบุคคลที่ทำความดี มีน้ำใจ มีคุณธรรมทางวัฒนธรรมและช่วยเหลืองานวัฒนธรรมอย่างแท้จริง 3.การส่งเสริมการแสดงที่ส่งผลคุณค่าทางวัฒนธรรมที่ดี เช่น ภาพยนตร์ ลิเก เป็นต้น และ4.การกำหนดปฏิทินทางวัฒนธรรมในรอบ 1 ปีโดยผนวกเข้ากับปฏิทินการท่องเที่ยว เพื่อประโยชน์ของผู้เกี่ยวข้องและผลที่ดีด้านการท่องเที่ยวของประเทศ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบแผนยุทธศาสตร์การดำเนินงานของสภาวัฒนธรรม ตามที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรม(สวธ.) เสนอ แต่ได้ฝากข้อสังเกตว่าให้เน้นการทำงานเชื่อมโยงกับหน่วยงานและองค์กรที่ เกี่ยวข้องกว่า 200 องค์กรที่มีเครือข่ายประมาณ 5 แสนคน เนื่องจากสภาวัฒนธรรมจะเป็นเสมือนกำลังผู้ปฏิบัติหลักของ วธ.ที่จะทำงานในระดับพื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ด้านนายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม(รมว.วธ.) กล่าวว่า จะต้องมีการหารือกับกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อกำหนดให้รายละเอียดและเตรียมความพร้อมโดยเฉพาะความพร้อมด้านบุคคลากรและอุปกรณ์โดยในโพลล์ได้สำรวจพบว่า ปัจจุบัน มีสถานศึกษาร้อยละ 68.11 ที่มีครูผู้สอนที่จบหลักสูตรดนตรีไทยโดยตรงร้อยละ 19.08 มีครูที่ไม่จบหลักสูตรดนตรีไทยโดยตรง และร้อยละ 6.27 มีครูผู้สอนจาก ร.ร.อื่นและจากการสำรวจความเห็นผู้ปกครองพบว่า มีสถานศึกษา ร้อยละ 52.06 ที่จัดการเรียนการสอนดนตรีไทย และมีสถานศึกษา ร้อยละ 38.45 ที่มีเครื่องดนตรีไทยไม่เพียงพอร้อยละ 23.48 มีครูสอนดนตรีไทยไม่เพียงพอ ร้อยละ 21.53 มีเครื่องดนตรีไทยเก่า/ชำรุด

” ก่อนจะเริ่มนโยบายนี้ วธ.จะเข้าไปร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ จับอบรมครูสอนดนตรีไทยของสถานศึกษาต่างๆขณะเดียวกัน วธ.เตรียมสำรวจความพร้อมในส่วนของโรงเรียนเอกชน หรือโรงเรียนสังกัดอื่นๆซึ่งหากโรงเรียนใดไม่มีความพร้อม วธ.ก็จะเข้าไปช่วยสนับสนุนต่อไป” นายวีระ กล่าว

ขอบคุณข้อมูล : http://www.nationtv.tv/main/content/social/378514874/