นายชัชพงศ์  เจษฎาชัยศรี (พงศ์)
เป็นนักเรียนทุนรุ่นที่  13/2554
ชั้นปริญญาตรีปีที่ 3  คณะมนุษยศาสตร์ เอกภาษาฝรั่งเศส ที่มหาวิทยาลัยนเรศวร

 

สวัสดีพี่ๆ และน้องๆ ที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่ทุกๆ คนครับ ก่อนที่ผมจะแอดมิชชัน ติดคณะมนุษยศาสตร์ สาขาภาษาฝรั่งเศสได้นั้น ผมเรียนสายวิทยาศาสตร์–คณิตศาสตร์ ในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายมาก่อนครับ หลายคนอาจตกใจและงงว่าผมเรียนสายวิทย์-คณิต แล้วทำไมผมถึงไม่เรียนต่อคณะวิทยาศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ หรือคณะพยาบาล หรือคณะอื่นๆ ที่ใช้วิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ทุกอย่างนั้นมีที่มาหมดเลยครับ

หลังจากที่ผมเรียนจบในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ผมก็เลือกที่จะเข้าเรียนต่อสายศิลป์ ในขณะเดียวกันผมก็ได้รับคำแนะนำต่างๆ มากมายเกี่ยวกับการเรียนในสายวิทย์-คณิต หลายคนก็มักจะพูดว่า ถ้าผมเรียนวิทย์คณิต ผมจะมีทางเลือกในการเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยมากขึ้น จบไปมีงานทำอย่างหลากหลาย ในทางตรงข้ามถ้าไปเรียนสายสังคมอังกฤษ ก็จะเป็นสายที่แคบ หางานทำก็ยาก ด้วยเหตุผลนี้ ผมจึงย้ายไปเรียนสายวิทย์คณิตอย่างไม่ต้องคิดอะไรมากในตอนนั้น ทั้งๆ ที่หลายๆ คนได้เตือนและบอกให้ผมเลือกเรียนในสิ่งที่ชอบและถนัด ผมคิดแค่ว่า ผมจะตั้งใจอ่านหนังสือให้มากๆ ในรายวิชาคณิตศาสตร์ สุดท้ายผมก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องด้วยไม่ได้มีใจรักในศาสตร์และด้านนี้ ผมเรียนไปทั้งความเครียดและกดดัน เรียนไปร้องไห้ไป  มันเป็นความรู้สึกที่ทรมานอย่างไรอย่างนั้นเลยครับ  สำหรับความรู้สึกที่ฝืนมาเรียน  ณ ขณะนั้นผมทำได้แค่เพียงเรียนให้ผ่านไปวันหนึ่งๆ เท่านั้นครับ  แต่ผมยังมีรายวิชาที่ผมชอบอยู่บ้าง  นั่นก็คือวิชาภาษาอังกฤษ  ทุกครั้งที่ผมเรียนผมจะมีความสุขมากๆ ครับ  ผมนั่งเรียนและตอบคำถามในห้องเรียนได้อย่างฉะฉานและมั่นใจ  แม้บางครั้งสิ่งที่ผมตอบไปนั้นจะผิดจะถูกผมก็รู้สึกสนุกและไม่เคยคิดว่าเมื่อไหร่คุณครูจะปล่อย  แต่กลับรู้สึกว่า อ้าว นี่หมดชั่วโมงอีกแล้วหรือนี่  กำลังสนุกเลย  มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ นะครับ  ผิดกับวิชาที่เป็นวิทย์คณิตเลย

 

1

2

3

4

ในระดับมหาวิทยาลัย ผมก็แอดมิชชัน (Admission) ได้ที่มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก คณะมนุษยศาสตร์ เอกภาษาฝรั่งเศส ดีใจที่ได้เรียนภาษา  วันแรกที่ผมได้เรียนภาษาฝรั่งเศสนั้น ต้องยอมรับเลยว่า ผมไม่เคยมีพื้นฐานมาก่อน  แล้วจะทำอย่างไรดี  ค่อยๆ กำหนดเกณฑ์ไปทีละขั้น โชคดีครับที่รุ่นพี่ช่วยปูพื้นการท่อง A B C D (อา เบ เซ เด) ให้  ผมค่อยๆ ใจเย็น  ไม่กดดันตัวเองจนเกินไป  โดยไปเรียนคือนั่งหน้าห้องและสมาธิจดจ่อกับอาจารย์และหนังสือครับ  ฟังและจดเกือบทุกอย่างที่อาจารย์พูด  ถามเพื่อนๆ ที่มีพื้นมาก่อนจนเพื่อนเหนื่อยกันเลยทีเดียว5555  ให้จินตนาการไปว่า  เรากำลังอยู่ต่างที่แล้วหลงถามครับ  ไม่เข้าใจอะไร  ถามอย่างเดียวเลยครับ  เพื่อที่เราจะได้หาทางออกเจอครับ  บางครั้งก็หาหนังสือจากหอสมุดมาอ่าน  เปิดเว็บทุกอย่างเลยครับ  เอาภาษาอังกฤษเท่าที่ในหัวตอนนั้นมีมาเทียบกับฝรั่งเศส

จนเมื่อถึงเวลาสอบมิดเทอม  ตั้งเป้าไว้ว่า เต็ม 30 คะแนน เราต้องทำให้ได้ 20 คะแนนขึ้นไป ผลปรากฏว่า  ได้ประมาณ 25 คะแนนครับ  ทีนี้กำลังใจมาเต็มครับ  จนเทอมแรกสตาร์ทเกรดที่ 3.32 คือเป็นความรู้สึกประมาณว่า คุณพระ! ฉันรอดแล้ว! ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา  ก็เรียนมาเรื่อยๆ และคิดว่าเรียนอย่างไรให้เรามีความรู้มากที่สุด  จนขณะนี้ได้เดินทางมาครึ่งทาง ปีที่ 3 แล้วครับผม

สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะแนะนำคือ  ให้เลือกเรียนในสิ่งที่เราชอบครับผม  อย่าไปฝืนเรียนในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเราครับ  เพราะจะทำให้เรากดดันและเครียดกับมัน ในท้ายที่สุด  เราก็อาจจะโดนรีไทร์  หรือไม่ก็ต้องซิ่วไปเรียนคณะอื่นอยู่ดีครับ  เชื่อมั่นในตัวเองครับ  และฟังเสียงของใจตัวเองว่าแท้จริงแล้วเราชอบอะไร  ตัวเราเท่านั้นครับที่เป็นผู้รู้ใจตัวเองครับ  ก่อนมาเรียนภาษาฝรั่งเศส ก็มีคนบอกว่า เรียนไปก็เท่านั้น เพราะภาษานี้เป็นภาษาที่ตายแล้ว เรียนจบไป คือหางานทำยากนะ  แต่ในขณะเดียวกันผมเชื่อว่า  ถ้าเราชอบมันแล้ว  เราย่อมทำมันออกมาได้ดีในระดับหนึ่งแน่นอนครับ  สุดท้ายนี้คือกำลังใจครับ กำลังใจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดครับ  และกำลังใจจากผู้อื่นว่าดีแล้ว  แต่กำลังใจจากตัวเองดีที่สุดครับ  เพราะต่อให้คนอื่นให้กำลังใจเราร้อยครั้ง  แต่ถ้าไม่ให้กำลังใจตัวเองด้วย  เราก็จะท้อครับ  อีกข้อหนึ่งคือให้เรามองแค่ว่า  ถ้าเราผ่านอุปสรรคนี้ไปได้  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเรา  เราก็จะข้ามผ่านมันไปได้เสมอ  แม้ว่าจะมีบางครั้งที่เรารู้สึกท้อและอ่อนล้า แต่ขออย่างเดียวว่าใจเราต้องไม่อ่อนแอและไม่ท้อถอยก็พอครับ  ถ้าชีวิตคือการเดินทาง  ก็ขอให้เรามีจุดหมายก็พอครับ  ถ้าเรามีจุดหมาย  ไม่ว่าจะอย่างไร  เราก็จะไปให้ถึงให้ได้  จริงไหมครับ  ต่อให้ระหว่างทางเราจะต้องล้มลุกคลุกคลานแค่ไหน  เราก็จะไปให้ถึงจุดหมายนั้นให้ได้ครับด้วยแรงศรัทธาและความมุ่งมั่นของเรา  เป็นกำลังใจให้กับน้องๆ ทุกคนที่เปลี่ยนสายจากวิทย์-คณิต มาเป็น สายศิลป์ด้วยครับผม Bon courage à vous ครับ

ท้ายสุดของจริงนี้ อยากจะบอกว่า “พรสวรรค์ ก็ไม่สู้เท่ากับพรแสวง”  ตามที่หลายๆ คนได้กล่าวกันต่อๆ มาครับ  ณ จุดจุดนี้พี่มีความสุขที่สุดกับสิ่งที่พี่เลือกครับ