“ ผมขอขอบพระคุณครับ… นอกจากเงินทุนที่ผมได้รับจากท่าน แบบอย่างของการเป็นนักสู้ก็เป็นทุนใจของผมเช่นกัน ”

แมน คล้ายสุวรรณ
นักเรียนทุน รุ่นที่ 13/2554

 

ก่อนได้รับทุน

ผมแยกตัวออกมาจากครอบครัว เนื่องด้วยมีปัญหากับพี่ชาย และคนในครอบครัว ผมทะเลาะกับพี่ชายบ่อยๆ แม่เฉยชากับปัญหาที่เกิดขึ้น จนบางครั้งเรารู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรม การเรียกร้องสิทธิ์ได้มาเพียงความว่างเปล่า บางวันผมต้องออกมาทำการบ้านโดยอาศัยแสงไฟฟ้าในซอย จนวันที่ 7 กรกฎาคม 2551 ผมเดินออกจากบ้านมาอาศัยห้องครูและเช่าห้องอยู่ตั้งแต่ชั้น ม.1 ไปทำงานโรงงานที่นครปฐมทุกวันเสาร์ 8 ชั่วโมงได้เงินครั้งละ 150 บาท เอาเข้าจริงหลังจากหักค่าข้าว ค่ารถ จะเหลือเงินประมาณ 90 บาท ผมต้องสะสมเงินจำนวนนี้เพื่อจ่ายค่าเช่าห้องตอนสิ้นเดือน เดือนละ 800 บาท

บางทีก็มีจ่ายไม่พอจนเจ้าของหอก็ขอเก็บเท่าที่เรามี ผมพยายามทำงานทุกอย่างเพื่อเก็บเงินให้มากพอสำหรับค่าเช่าห้อง ค่าใช้จ่าย รับจ้างทำงานเสริมหลังเลิกเรียนทุกวัน พอขึ้นชั้น ม.2 ก็ไปอาศัยคนรู้จักอยู่ จนกระทั่งจบชั้น ม.3 ทุกอย่างคือการดิ้นรนทนสู้ ในช่วงเวลานั้นเราคิดว่าชีวิตเราไม่ได้แย่ที่สุดและพอมีโอกาสจากสังคมยื่นมาให้ตลอดเวลา ผมจึงออกทำงานเพื่อสังคมผ่านโครงการสภาเยาวชนกรุงเทพ มหานคร หัวใจเราเต็มที่ แต่ทุนที่มีไม่เต็มด้วย หากไม่ได้รับทุนก็คงมุ่งมั่นทำงานเพื่อส่งตัวเองเรียน อาจจะไม่ทำอะไรเพื่อสังคมเลยก็ได้
เพราะไม่มีเวลา

 

หลังได้รับทุน

เงินทุนมีส่วนช่วยในชีวิต เพราะถ้าหากไม่มีเงินทุนส่วนนี้จะต้องแบ่งเวลาส่วนหนึ่งไปหางานพิเศษทำ เพื่อใช้เป็นค่าเทอม ค่าที่พัก
ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการศึกษา  หากหาไม่ได้ก็เกิดเป็นความกังวล คงต้องกระทบกับวิถีชีวิตการเรียนแน่นอน ผมขอขอบพระคุณครับ  นอกจากเงินทุนที่ผมได้รับจากท่าน แบบอย่างของการเป็นนักสู้ก็เป็นทุนใจของผมเช่นกัน เป็นนักธุรกิจที่ไม่ได้มองแค่กำไร แต่มองไปถึงสังคม นั่นคือการมอบทุนการศึกษา และแบบอย่างของการให้ ผมได้เดินตามท่านอย่างดีที่สุดแล้ว และจะพยายามให้ต่อไปเหมือนที่ท่านให้ผม