ถ้าผมได้กอดคุณไพบูลย์นั่นคือการที่ผมได้รับอ้อมกอดจากพ่อ
และจะกล่าวคำขอบคุณที่ไม่รู้ว่าจะต้องหาคำไหนมาใช้ เพื่อตอบแทนบุญคุณของท่านได้อีกเลย ”

เอ๋ ทินกร ปิ่นทอง
นักเรียนทุน รุ่นที่ 16/2557

 

ก่อนได้รับทุน

ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีที่แล้วผมอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ผมอาศัยอยู่กับยาย น้า และน้าเขย ซึ่งน้าก็มีลูกที่ต้องส่งเสียอีก 1 คน แม่ผมและพี่ชายไปทำงานที่กรุงเทพมหานคร แม่เป็นแม่ค้าขายส้มตำ พี่ชายรับจ้างทั่วไป เป็นช่วงที่ผม กำลังสับสนวุ่นวายกับชีวิตตัวเองมาก ไม่รู้ว่าจะเอาอย่างไรต่อกับชีวิต จะเรียนต่อที่ไหน  หรือไม่เรียนต่อ เนื่องจากครอบครัวไม่มีกำลังจะส่งเรียนต่อ หรือส่งเรียนต่อได้แค่บางมหาวิทยาลัย เนื่องจากว่าแม่ต้องทำงานเพื่อครอบครัวเพียงคนเดียว พี่ชายก็ค่อนข้างเกเร หาเช้ากินค่ำไปวันๆ ส่วนน้าและน้าเขยประกอบอาชีพทำนา
ซึ่งต้องส่งเสียลูกตัวเอง และยังต้องมารับภาระเลี้ยงดูเราอีก ยอมรับว่าตอนนั้นลำบากมาก

น้ากับยายเคยบอกหลายครั้งว่าถ้าส่งต่อไปก็คงไม่ไหว ให้ผมหาเงินส่งตัวเองเรียน ผมเครียดมาก แต่แล้วในคาบแนะแนว อาจารย์แนะแนวได้นำข่าวการรับสมัครนักเรียนทุนมูลนิธิดำรงชัยธรรม ซึ่งตอนนั้นสนใจมาก แต่ไม่เคยได้ยินชื่อมูลนิธิฯ นี้มาก่อน และไม่รู้รายละเอียดอะไรเลย จึงได้สอบถามอาจารย์และลองกรอกใบสมัครดู ซึ่งตอนนั้นเอกสารเยอะมาก ต้องเขียนเรียงความด้วย ผมพยายามเขียนเรื่องราวชีวิตของผมอย่างละเอียด และตรงตามความจริงทุกประการ จนกระทั่งผลการรับคัดเลือกประกาศผล ตอนนั้นผมดีใจมาก ร้องไห้วิ่งไป กอดยาย กอดน้า ชีวิตผมดูมีจุดหมายปลายทางที่ชัดเจนขึ้น เนื่องจากสอบติดมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และไม่ต้องกังวลว่าแม่จะส่งเสียไหว
หรือไม่ รู้สึกมีกำลังใจที่อย่างน้อยมูลนิธิดำรงชัยธรรมได้เห็นความพยายาม และเห็นความลำบากของเด็กน้อยผู้ด้อยโอกาสคนหนึ่ง ถ้าไม่มีมูลนิธิฯ นี้ ผมอาจจะไม่ได้เรียน ต่อมหาวิทยาลัยเลยด้วยซ้ำ

 

หลังได้รับทุน

ชีวิตผมเปลี่ยนมาก ปกติแม่ผมทำอาชีพค้าขาย ขายส้มตำรถเข็นในกรุงเทพฯ ทั้งที่แม่ก็นับวันยิ่งแก่ลงทุกวัน ร่างกายก็ไม่ค่อยจะแข็งแรง ทำงานเพื่อส่งลูกเรียน แต่พอได้เงินทุน แม่ผมมีชีวิตดีขึ้น แม่ลำบากน้อยลงเพราะไม่ต้องขายของทุกวัน เปลี่ยนมาเป็นแม่บ้าน ทำงานอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ซึ่งเป็นการแบ่งเบาภาระของแม่มาก ชีวิตความเป็นอยู่ของผมดีขึ้นเพราะการที่ผมเรียนสายศิลปกรรม จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์การเรียนที่เยอะมาก อุปกรณ์แต่ละอย่างก็ค่อนข้างมีราคาแพง ถ้าผมไม่ได้เงินทุนก็คงจะเรียนต่อไม่ไหว ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่มีพ่อ ผมไม่รู้ว่าความอบอุ่นจากอ้อมกอดของพ่อเป็นอย่างไร ถ้าผมได้กอดคุณไพบูลย์นั่นคือการที่ผมได้รับอ้อมกอดจากพ่อ และจะกล่าวคำขอบคุณที่ไม่รู้ว่าจะต้องหาคำไหนมาใช้ เพื่อตอบแทนบุญคุณของท่านได้อีกเลย ถ้าผมมีโอกาสผมก็จะให้โอกาสคนอื่นเช่นคุณไพบูลย์ที่ให้โอกาสผม