“ โอกาสที่พ่อให้ คือ สะพานข้ามไปสู่ความสำเร็จในอนาคต … หนูจะเป็นคนดี
เป็นครูที่ดีในอนาคตและเมื่อมีโอกาสหนูจะเดินตามรอยพ่อ จะเป็นผู้ให้เหมือนที่เคยได้รับต่อไปอีกค่ะ ”

อุ้ย กาญจนา สดใส
นักเรียนทุน รุ่นที่ 15/2556

 

ก่อนได้รับทุน

อาศัยอยู่กับพ่อ 2 คนตั้งแต่อายุ 3 เดือน พ่อทำงานรับจ้างทั่วไปหาเช้ากินค่ำ อาศัยฝากป้าเลี้ยงบ้าง ลูกป้าเลี้ยงบ้าง หลังจากโตก็อยู่คนเดียวตอนพ่อไปทำงาน ตอน 9 ขวบ ที่บ้านแล้งมาก ไม่มีงานรับจ้าง พ่อต้องลงมาทำงานที่ท่ายาง เพื่อส่งเงินมาให้ ทำให้ต้องอยู่คนเดียว หุงข้าวเอง ไปโรงเรียนเอง ซักเสื้อ ผ้าเอง ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง และนอนคนเดียวมาตลอด 1 เทอม พอจะขึ้น ป.4 อยู่ไม่ได้แล้วเพราะคิดถึงพ่อมาก พ่อจึงมารับไปอยู่ด้วย อยู่ได้ประมาณ 1 ปี แล้วเราก็กลับมาบ้าน ข้าพเจ้าเดินไปเรียนทุกวัน พอเสาร์-อาทิตย์ ก็มาหาเก็บผักตำลึงขายเพื่อจุนเจือครอบครัว ไม่ต้องขอเงินพ่อไปโรงเรียน และจะได้มีเงินกินก๋วยเตี๋ยวกับเพื่อน พอจบ ป.6 ครูแนะนำให้มาเรียนโรงเรียนศึกษา-สงเคราะห์เพชรบุรี ข้าพเจ้าก็มาเพราะไม่มีเงินเรียนต่อที่โรงเรียนใกล้บ้าน และพ่อคงสบายกว่านี้ถ้าเราไปเรียนฟรี แต่ก็เป็นความเจ็บปวดทางใจที่ต้องจากพ่ออีกครั้ง และครั้งนี้น่าจะนานที่สุดเลย

ที่นี่เป็นโรงเรียนประจำ กินนอนในโรงเรียน 2-3 เดือนถึงจะได้กลับบ้าน หรือกลับปิดเทอมทีเดียว อยู่ที่นี่ก็ทำทุกอย่าง รับจ้างเขียนรายงานให้รุ่นพี่ที่เขาขี้เกียจ เพราะไปทำงานกับเขาไม่ได้อายุไม่ถึง และได้รับทุนทุกเทอม เทอมละ 500 บาท พออายุ 15 ปี ก็หางานทำ งานแรก คือ ร้านหนังสือแถวหอนาฬิกาที่หัวหิน เถ้าแก่ให้เดือนละ 3,000 บาท และค่าข้าว 50 บาทต่อวัน เราก็กินให้ประหยัดที่สุดเพื่อที่เงินส่วนนี้จะเหลือเก็บไว้ และก็เอาเงินที่ทำงานให้พ่อ พอ ม.4-ม.6 ก็ไปทำงานโรงงานช่วงปิดเทอมเพื่อแบ่งเงินให้พ่อใช้ เพราะที่บ้านแล้งตลอด งานรับจ้างก็ไม่ค่อยมี และพ่อเจ็บตาบ่อย เนื่องจากตาพ่อพิการหนึ่งข้างมองไม่เห็นแล้ว และตาฝ่อลงเรื่อยๆ จนได้เป็นคนไข้ในสมเด็จพระเทพฯ ได้ใส่ลูกแก้ว พ่อก็ไม่ปวดแล้ว แต่ตาก็ลึกลงไปเรื่อยๆ ชีวิตตอนนั้นลำบากมาก พอเริ่มทำงานได้ก็ไม่ขอเงินพ่อ ช่วงใกล้จบ ม.6 ตั้งใจว่า จะพอแค่ ม.6 เพราะไม่มีเงิน อีกอย่างคิดว่าออกมาหาเงินส่งพ่อดีกว่า ให้พ่อหยุดพักบ้าง และนอกจากพ่อแล้วก็ไม่มีใครส่งเสียช่วยเหลือเลย ถึงอยากเรียนก็คงไม่ได้เรียน เพราะพ่อคงไม่มีเงินส่งเรียนต่อมหาวิทยาลัยแน่ๆ หรือคงต้องหางานทำก่อนค่อยกลับมาเรียน

 

หลังได้รับทุน

เงินทุนช่วยได้ทุกเรื่อง ทุกส่วน ทุกอย่าง แทบไม่ต้องขอเงินพ่อเลย จากที่ไม่มีเงินใช้ ไม่มีเงินกิน ก็มีใช้มีกิน พอใช้พอจ่าย ไม่เดือดร้อนขัดสนเพราะหนูไม่ได้ฟุ่มเฟือย และมูลนิธิฯ จ่ายให้ทุกด้านครอบคลุม พ่อไม่ต้องหนักใจและไม่สบายใจเรื่องการเป็นอยู่ของหนูเลย บางทีมีเหลือส่งให้พ่อด้วย เอกที่หนูเรียนแทบไม่มีเวลาหางานเสริมทำเลย มีงานก็คืองานรับจ้างรดน้ำต้นไม้ในมหาวิทยาลัย ได้บางเดือน เดือนละ 300-400 บาท เพราะต้องใช้เงินคณะจ้าง ยิ่งเรียนสูงค่าใช้จ่ายก็มากตามไปด้วย แต่ถ้าบริหารได้ก็จะพอใช้ แบบไม่ขัดสนเลย หนูขอขอบคุณพ่อไพบูลย์มากที่มอบโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิตให้กับหนู โอกาสที่พ่อให้ คือสะพานข้ามไปสู่ความสำเร็จในอนาคต ถ้าไม่มีพ่อยื่นมือเข้ามามอบสิ่งที่ดีที่สุดนี้ ก็ไม่มีหนูในวันนี้ วันที่จะทำให้ครอบครัวภูมิใจ ทำให้พ่อของหนูภูมิใจ พ่อไพบูลย์มาสร้าง สร้างให้หนูโตได้ และโตได้ดี หนูไม่มีอะไรจะตอบแทนได้ นอกจากหนูจะเป็นคนดี เป็นครูที่ดีในอนาคตและเมื่อมีโอกาสหนูจะเดินตามรอยพ่อ จะเป็นผู้ให้เหมือนที่เคยได้รับต่อไปอีกค่ะ